![]() |
ฮิลลารีและนอร์เกย์สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการพิชิตจุดปลายสูงสุดของโลก ความสำเร็จครั้งใหญ่นี้นับเป็นหนึ่งในสุดยอด ความสำเร็จแห่งศตวรรษที่ 20 |
ยอดเขาเอเวอเรสต์แห่งเทือกเขาหิมาลัย ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 8,840 เมตร เป็นจุดปลายสุดยอดที่ไม่มีสิ่งใดสูงกว่านี้อีกแล้วบนโลก และธรรมชาติของดาวดวงนี้ไม่ได้กำหนดให้ใครหรือสิ่งมีชีวิตใดขึ้นมาบนนี้ได้ มีเพียงเกร็ดความเย็นสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมหินผานี้ สภาพอากาศที่เบาบางจนแทบไม่สามารถหายใจได้ รังสียูวีและแสงแดดแรงกว่าที่ระดับพื้นดินส่งผลต่อสายตาพวกเขา หากมองด้วยตาเปล่าเป็นเวลานาน และท้ายที่สุดมันก็ถูกพิชิตได้โดยนักปีนเขาเทนซิง นอร์เกย์ชายชาวเนปาลคนท้องถิ่นและเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารีนักผจญภัยชาวนิวซีแลนด์ที่เคยพ่ายแพ้ใหักับการขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ในปี 1951 มาแล้ว
ภูเขาสีขาวบริสุทธิ์สวยงามทอดยาวปกคลุมหิมะเบื้องล่างตั้งตระหง่านต้านทานลมพายุ ยืนตัดเมฆหมอกที่ลอยผ่านมาอย่างสวยงาม และทั้งโอบอุ้มชีวิตมอบสายน้ำแก่ผู้คนในรอบล้อมเทือกเขาหิมาลัยนี้ 'โซโมลังมา' หรือ 'มารดาแห่งสวรรค์' เป็นชื่อภาษาถิ่นที่เรียกด้วยศรัทธาของชาวทิเบต ส่วนชาวเนปาลขนานนามยอดเขาแห่งนี้ว่า 'สครมาถา' หมายถึง 'หน้าผากแห่งท้องฟ้า' ด้วยความที่เป็นภูเขาสูงใหญ่ทำให้มนตร์เสน่ห์ของเขาหิมาลัยนี้ท้าทายนักปีนเขาทั้งหลายจากทั่วโลก
![]() |
นอร์เกย์ยืนตระง่านอยู่บนยอดเขา มือถือธงแห่งชัยชนะพร้อมปัก ประวัติศาสตร์ลงบนพื้นน้ำแข็ง ซึ่งภาพนี้ถ่ายโดยฮิลลารี |
นอร์เกย์ได้วางแท่งช็อคโกแลตเป็นการขอบคุณเอเวอเรสต์ส่วนฮิลลารีวางสร้อยกางเขนเป็นการขอบคุณพระเจ้า เมื่อสองนักปีนเขาผู้พิชิตลงมาถึงพื้นโลกอย่างปลอดภัยพวกเขาก็ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้อย่างสมบูรณ์
ความยิ่งใหญ่ของการพิชิตเทือกเขาเอเวอเรสต์นี้ได้ สำหรับชาวเชอร์ปา และนักปีนเขาบางคนแล้ว ยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดที่สูงที่สุดบนพื้นโลกเท่านั้น หากยังเป็นจุดหมายสูงสุดในชีวิตพวกเขาด้วย การไปให้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เมื่อยอดเขาเอเวอเรสต์ถูกพิชิตได้ นั่นหมายความว่าขีดจำกัดของมนุษยชาติได้เพิ่มขึ้นภายหลังที่เทนซิง นอร์เกย์ และเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารีพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้สำเร็จนั้น พวกเขาได้รับความสนใจและเสียงสรรเสริญมากมายจากผู้คนทั่วโลก หนังสือพิมพ์พาดหัว “ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์กลับมาอีกครั้ง” มีงานเลี้ยงฉลองและพิธีมอบเหรียญรางวัลจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างให้ความสนใจข่าวการพิชิตยอดเขาของโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจแก่นักผจญภัยทั่วโลกด้วย
นักข่าวยิงคำถามมากมายใส่พวกเขาเช่น “ทำไมพวกคุณต้องเอาชีวิตไปทิ้งบนนั้นด้วย” ฮิลลารีได้ตอบว่า “เราไม่ได้ขึ้นไปตายแต่เราขึ้นไปเพื่อมีชีวิตเป็นนิรันด์” อีกทั้งคำถามที่ถกเถียงกันมากมายที่ว่า ใครที่ก้าวขึ้นไปสู่จดสูงสุดของโลกเป็นคนแรกกันแน่ระหว่าง ฮิลลารีชายร่างสูงแข็งแรงผู้รักการปีนเขาที่กลับมาท้าทายเอาชนะเอเวอเรสต์จากความล้มเหลวเมื่อปี 1951 หรือนอร์เกย์ชายชาวเนปาลที่มีความรู้ความเข้าใจดีในเรื่องของสภาพอากาศ และคำตอบสำหรับคำถามที่ถกเถียงกันมากมายนี้ นอร์เกย์ได้ตอบคำถามนี้ด้วยความจริงใจว่า “มันสำคัญด้วยหรือว่าใครคือคนแรกในเมื่อเราต่างพิชิตยอดเขาได้เหมือนกัน”
แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการ แต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไป นักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลก ทั้งชายและหญิงต่างก็อยากท้าทายความกล้าที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ซักครั้งในชีวิต นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา ความสำเร็จแรกของการพิชิตเอาชนะยอดเขาสูงสุดของโลกได้นี้ได้จุดประกายให้กับนักปีนเขาและนักผจญภัยทั่วโลก
![]() |
ฝูงชนชาวเนปาลแห่ต้อนรับสองวีรบุรุษ ณ จัตุรัสวิหาร Bhandgaon นอร์เกย์ยืนอยู่รถจิ๊บคันแรกตามมาด้วยรถของฮิลลารีคันหลัง |