วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

สงครามเย็น สงครามจิตวิทยาที่ใช้คำโฆษณาชวนเชื่อ

ต่างฝ่ายต่างข่มขวัญกับด้วยกองกำลังทหาร
         
                  สงครามเย็น (Cold War) ระหว่าง ค.ศ. 1947-1991) เป็นการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มประเทศ 2 กลุ่ม ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองและระบอบการเมืองต่างกัน เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายหนึ่งคือสหภาพโซเวียตที่ต้องการให้ทฤษฎีโดมิโนเกิดขึ้นจากกรณีการขยายตัวของลัทธิและระบอบคอมมิวนิสต์ไปในเอเชีย เรียกว่า ค่ายตะวันออกซึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ อีกฝ่ายหนึ่ง คือ สหรัฐอเมริกาและกลุ่มพันธมิตร เรียกว่า ค่ายตะวันตก ซึ่งปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้แข่งขันในด้านการสะสมอาวุธ เทคโนโลยีอวกาศ การจารกรรม เศรษฐกิจ และทำสงครามผ่านสงครามตัวแทน เพื่อหาประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันมาเป็นเครื่องถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายตรงข้าม

                  หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 ทั่วทั้งยุโรปอยู่ในสภาพบอบช้ำจากสงคราม เยอรมนีในสภาพแพ้สงครามนั้นลำบาก น่าสงสาร ภายหลังกองทัพนาซีเยอรมัน ภายใต้การนำของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้พ่ายในสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้นำตัวฉกาจก็มีคำสั่งประหาร หรือหลบหนีไปได้ กองทัพสัมพันธมิตรได้เข้ายึดครองประเทศเยอรมัน และต่อมา 4 ประเทศมหาอำนาจที่เป็นแกนนำในสงครามครั้งนั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียต เพื่อจับตาดูว่าเยอรมันจะเป็นภัยหรือคิดการใหญ่ต่อโลกอีกหรือไม่ ได้ทำสนธิสัญญาในการแบ่งการดูแลประเทศเยอรมันออกเป็น 4 ส่วนภายใต้การดูแลของแต่ละประเทศ และเช่นกัน นครเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศ ก็เช่นกันถูกแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 ส่วนเช่นเดียวกัน ในกลุ่มที่ปกครองเยอรมันตะวันตกไม่มีปัญหาเท่าไหร มีแต่เร่งฟื้นตัวส่งผลดีต่อเยอรมณี ทั้งนั้น แต่ในส่วนของการปกครองโดยสหภาพโซเวียต ไม่ได้สนใจเรื่องเศรฐกิจมากนัก ปลูกฝังแต่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาดูท่าทีของสหภาพโซเวียต จนเกรงว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์ นั้นจะแพร่กระจายไปหลายประเทศ นักวิชาการของอเมริกาเสนอแผนให้ประธานาธิบดี ทรูแมน ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ประเทศในยุโรปที่ได้รับความลำบากจากสงคราม สนับสนุนปัญหา เศรษฐกิจ ปัญหาความอดยาก เพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากพวกโลกเสรี สหภาพโซเวียตจับตามองความเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา อย่างไม่พอใจ ได้สร้างกำแพงเพื่อปิดกั้นพรมแดนเบอร์ลินตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมันตะวันตกที่ปกครองโดยกลุ่มโลกเสรี ออกจากเยอรมนีตะวันออก ที่โซเวียตปกครอง ด้วยหลักคอมมิวนิสต์
ภาพทฤษฎีโดมิโนเกิดขึ้นจากกรณีการขยายตัวของลัทธและระบอบคอมมิวนิสต์ไปในเอเชีย 


                  สงครามเย็นอยู่ภาวะตรึงเคลียดสุดขีด ประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายต่างแข่งขันกัน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้แข่งขันในด้านการสะสมอาวุธ เทคโนโลยีอวกาศ การจารกรรม เศรษฐกิจ และทำสงครามผ่านสงครามตัวแทน เพื่อหาประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันมาเป็นเครื่องถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายตรงข้าม โดยพยายามสร้างแสนยานุภาพทางการทหารของตนไว้ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม โดยประเทศมหาอำนาจจะไม่ทำสงครามกันโดยตรง แต่จะสนับสนุนให้ประเทศพันธมิตรของตนเข้าทำสงครามแทน หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสงครามตัวแทน (Proxy War) เหตุที่เรียก สงครามเย็น เนื่องจากเป็นการต่อสู้กันระหว่างมหาอำนาจ โดยใช้จิตวิทยา ไม่ได้นำพาไปสู่การต่อสู้ด้วยกำลังทหารโดยตรง 

                    สหภาพโซเวียตที่ต้องการให้ทฤษฎีโดมิโนเกิดขึ้นจากกรณีการขยายตัวของลัทธิและระบอบคอมมิวนิสต์ไปในเอเชีย โดยเริ่มจากจีน เกาหลี เวียดนาม ไทย มาเลเซีย อินโดนิเซีย ลงมา เรียกว่า ค่ายตะวันออกซึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อจีนมหาอำนาจอีกประเทศของโลกประกาศเป็นคอมมิวนิสต์ และสงครามเวียดนามสมรภูมิที่สำคัญ ตัดสินแพ้ชนะ เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียต สนับสนุน เวียดนามเหนือเต็มที่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ปัญหาภายในประเทศเวียดนาม ส่วนกลุ่มโลกเสรีประชาธิปไตย สหรัฐอเมริกาก็ให้ความช่วยเหลือ เวียดนามใต้ โดยใช้ไทยเป็นฐานทัพ การสิ้นสุดของทศวรรษ 1980  เป็นการสิ้นสุดของยุคสมัยแห่ง “สงครามเย็น” ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้การขัดแย้งทางอุดมการณ์และการแข่งขันกันเป็นผู้นำของโลกระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียตสิ้นสุดลง  สืบเนื่องมาจากการล่มสลายของระบบการปกครองคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกและความเปลี่ยนแปลงในสหภาพโซเวียต  อันเป็นผลมาจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและ การปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มผู้นำคอมมิวนิสต์หัวเก่าและนำไปสู่การปฏิวัติที่ล้มเหลว  การหมดอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์  ประเทศบริวารของสหภาพ โซเวียตในยุโรปตะวันออก ต่างแยกตัวเป็นอิสระและท้ายที่สุดรัฐต่างๆ ในสหภาพโซเวียตต่างแยกตัวเป็นประเทศอิสระปกครองตน และการทำลายกำแพงเบอร์ลิน เป็นสัญญาณสิ้นสุดสงครามเย็นอย่างแท้จริง


การทำลายกำแพงเบอร์ลิน เป็นสัญญาณสิ้นสุดสงครามเย็นอย่างแท้จริง